วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

BMW ครองอันดับหนึ่ง

Forbes นิตยสารธุรกิจและการเงินที่ทรงอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา ประกาศผลการจัดอันดับแบรนด์สินค้าที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากที่สุด 1,000 อันดับแรกออกมาแล้ว โดยการจัดอันดับดังกล่าวเป็นการรวมแบรนด์สินค้าทุกประเภทไม่แบ่งเป็นหมวดหมู่แต่อย่างใด แต่เมื่อไล่ลงไปในกลุ่มของผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ปรากฎว่า BMW แบรนด์ดังของเยอรมนีติดโผเข้ามา ด้วยคะแนนสูงสุดถูกจัดอันดับไว้ในอันดับที่ 9 ขณะที่แบรนด์รถยนต์อื่นๆที่ติดอันดับเข้ามาได้แก่ Toyota อันดับที่ 14, Mercedes อันดับที่ 16, Honda อันดับที่ 19, Audi อันดับที่ 32, VW อันดับที่ 45, Ford อันดับที่ 59, Hyundai อันดับที่ 71, Nissan อันดับที่ 76 และ Lexus อันดับที่ 87 โดยที่แบรนด์ที่มีอิธิพลสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ Apple ตามด้วย Microsoft, Coca-Cola, IBM และ Google ขณะที่ Yahoo เกือบหลุดโผด้วยการได้อันดับที่ 96

วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Mazda CX-5 พร้อมแล้วในเดือนตุลาคม ปีนี้

หลังจากที่ Mazda Tribute ห่างหายไปจากตลาดเมืงอไทยนานมากๆ และ Mazda ประเทศไทย ก็ไ่ม่มีรถประเภท SUV มาเติมเต็มช่องว่างในตบาดนี้เลย แต่ตอนนี้ Mazda จะกลับมาแย่งตลาดในส่วนนนี้อีกครั้งในประเทศไทย Mazda CX-5 หนึง่ในรถยนต์ที่พัฒนาและออกแบบภายใต้เทคโนโลีย SkyActive พร้อมแล้วในปลายเดือนตุลาคม ปีนี้ โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ คือ เบนซิน 2.0 ลิตร 155 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 175 แรงม้า โดยทั้ง 2 เครื่องยนต์ จะจับคู่กับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 6 จังหวะ โดยเครื่องยนต์เบนซินจะสามารถใช้งานกับน้ำมันเบนซินแก๊ซโซฮอล์ล E20 ได้ ตามมาตรฐานการกล่าวอ้างภายใต้มาตรฐานการประหยัดเชื้อเพลิง JC08 ของประเทศญี่ปุ่น อัตราสิ้นเปลืองของรถรุ่นนี้ ในรุ่นที่ใช้ระบบขับเคลื่นอ2ล้อหน้า อยู่ที่ 16 กิโลเมตร / ลิตร ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และ 18.6 กิโลเมตร / ลิตร สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล สำหรับรุน่ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน4ล้อ 15.6 และ 18 กิโลเมตร / ลิตร โดยประมาณ ราคาจำหน่ายอยู่ที่ราวๆ 1.2 ถึง 1.3 ล้านบาท สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และ 1.6 ถึง 1.7 ล้านบาท สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

มอเตอร์ไซต์ประหยัดน้ำมันกว่ารถยนต์ แต่ก่อมลพิษมากกว่า

สาระล่าสุดจากรายการ Mythbuster ที่ทดสอบตำนานเรื่องที่มีบางคนคิดว่า มอเตอร์ไซต์ก่อมลพิษน้อยกว่ารถยนต์เพราะใช้น้ำมันน้อยกว่า...จริงเหรอ ทดลองโดยการนำรถยนต์และมอเตอร์ไซต์จากช่วงยุค 80s, 90s, และ 2000s และเทียบค่าต่างๆของพาหนะทั้งสองประเภทในแต่ละยุค โดยรถยนต์ที่นำมาทดสอบนั้น เป้นรถเก๋ง4ประตูขนาดกลาง มอเตอร์ไซต์เป็นพวก big bike ที่ขนาดเครื่องยนต์น่าจะเกิน 600 cc โดยรถแต่ละยุคที่นำมาทดสอบนั้น เลือกยี่ห้อและรุ่นจากการอ้างอิงยอดขายเฉลี่ยของยุคนั้นว่า รุ่นไหนคือรถยนต์หรือมอเตอร์ไซต์ขายดีที่สุดในอเมริกาในยุคนั้น ในการทดสอบ รถยนต์ยุค 80 เป็นรถเก๋งขนาดกลางของค่าย GM (น่าจะ Oldsmobile), รถยนต์ 90 เป็น Honda Accord ตาเพชร, และรถยนต์ยุค 2000s เป็น Ford Taurus, ส่วนมอเตอร์ไซต์นั้น รถมอเตอร์ไซต์ยุค 80 เป็น Honda CBR ส่วนของยุค 90s และ 2000s ไม่แน่ใจ แต่รถมอเตอร์ไซต์ยุค 90s น่าจะเป็นรถญี่ปุ่น [img]http://www.badweatherbikers.com/buell/messages/4062/653776.jpg[/img] ผลการใช้เชื้อเพลิงนั้น แน่นอว่า มอเตอร์ไซต์ใช้น้อยกว่า เพราะมันเบากว่า เครื่องยนต์เล็กกว่า แต่พอมาดูค่าการปล่อยก๊าซต่างๆโดยเฉพาะที่ก่อมลพิษและมีผลต่อสุขภาพคนเรานั้น... [img]http://www.ridexperience.com/files/2011/10/emissions.png[/img] มอเตอร์ไซต์ค่าออกมามากกว่ารถยนต์หลายเท่าครับ ห่างกันแบบมากอย่างเห้นได้ชัดเจน ทั้งคาร์บอนมอนน็อกไซต์ ไฮโดรคาร์บอน สูงกว่ารถยนต์ในยุคเดียวกันเป็นร้อยถึงเป้นพันเท่า พราะรถยนต์มีการพัฒนาที่ต่อเนื่องกว่าครับ เรื่องการใช้เชื้อเพลิง ตัวกรองมลพิษ และพลศาสตร์อากาศ และมอเตอร์ไซต์ที่เมืองนอกอย่างอเมริกานั้น เครื่องยนต์ต่ำสุดก็มักจะเป้นพวก 250 ซีซี แต่พวกรุ่นใหม่ๆก็จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดและมีแคตตาไลติค คอนเวอร์เตอร์ ติดตั้งมาให้...และมอเตอร์ไซต์นั้นจริงๆแล้ว มันต้านมมากกว่ารถยนต์อีกนะครับ สิ่งหนึ่งที่ทำให้มันต้านลมคือ ตัวคนขับนั่นแหล่ะค ในรายการนี้ พิธีกรสองคน เลยได้ลองพยายามลบคำสบประมาทด้านนี้ของมอเตอร์ไซต์ ด้วยการนำเอามอเตอร์ไซต์วิบากดรุ่นใหม่คันหนึ่ง เครื่องยนต์ขนาด 250 ซีซี จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด มีแคตตาไลติคฯ มาทำการจำลองการชับชี่ในสนามปิด ดโยให้คล้ายกับการขับในเมืองและบนฟรีเวย์โดยรอบแรกก็ขับในภสพารถปติ แต่รอบสอง มอเตอร์ไซต์ถุกดัดแปลงให้ลูลมมากขึ้น ด้วยการถอดแฟร์ริ่งบางส่วนออก และทำโครงสร้างรูปวงกลมเพื่อไม่ให้มีแรงต้านลมเพราะคนับ แบบในภาพ http://www.youtube.com/watch?v=krCHwg3IeDo ผลสรุปออกมาคือ ประหยัดและก่อมลพิษน้อยกว่าปกติเล็กน้อย แต่ค่ามลพิษก็ยังสูงอยู่ดีถ้าเทียบกับรถยนต์ ผมว่ามอเตอร์ไซต์ที่ขายในไทยน่าจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ แม้ว่าจะเป้นเครื่องสี่จังหวะและเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่ส่วนใหญ๋ก็ยังจ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาบูเรเตอร์และไม่มีแคตตาไลติคฯ

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สถิติน่าขนลุก เกี่ยวกับการโจรกรรมรถยนต์ในประเทศเยอรมันณี

จากสารคดีสั้นๆคั่นเวลารอเปลี่ยรายการของช่อง True Explore 3 ในเยอรมันณี แต่ละปีมีรถถูกขโมยกว่า 30,000 คัน และเกือบครึ่ง ติดตามคืนมาไม่ได้ เจ้าของทำได้แค่ ทำใจ รถพวกนี้ถูกขโมยไปแยกส่วนขายส่งเป้นอะไหล่ ไปทางแถบยุโรปตจะวันออก ซึ่งมีความต้องการสูงมาก ใช้เวลาในการแยกส่วนแค่แป๊บเดียว และสถานที่แยกส่วน มักเป้นพวกโกดังให้เช่า ที่เจ้าของไม่รู้เรื่งออะไรเลย แต่ต้องมาพลอยซวยโดนสอบไปด้วย แถมพอโจรพวกนี้จากไป ก็ทิ้งเศษซากเอาไว้เป้นขยะรถที่อีก อะไหล่พวกนี้ถูกวางขายแถบชายแดนเยอรมันณีกันดาษเดื่อน 80%ของอะไหล่รถที่ขายในตลาดแถบชายแดนนั้น ขโมยมาทั้งนั้น ที่มีคนซ์้อเยอะเพราะราคาถูกกว่าของจริงจากศูนย์บริการเกือบครึ่งหนึ่ง อะไหล่แท้ของศูนย์บริการมีราคาสูง แม้จะเป็นรถยุโรปและในประเทศแถบยุโรปก็ตาม พ่อค้าของโจรพวกนั้นยังมีใบรับประกันปลอมอีกด้วยนะ แม้ตำรวจจะตามจับได้ แต่ก็ยากที่จะตามหาว่าเจ้าของเดิมของรถพวกนี้ หรืออะไหล่พวกนี้คือใคร และรถทุกแบบกลายเป้นเป้าหมายได้ทั้งนั้น ตั้งแต่ Eco cars ยันรถหรูหราราคาแพง และรถที่ถูกขโมยมาส่วนมาก โดนขโมยกลางวันแสกๆ ในที่จอดรถสาธารณะ ไหนๆชาวเยอรมันก็จริงจังเรื่องมารยาทในการ ฟังเพลงแบบใส่หูฟังในที่สาธารณะ ก็น่าจะปลูกจิตสำนึกเรื่อง เลิกอุดหนุนอะไหล่รถยนต์มือสองจากโจรพวกนี้ด้วยก็ดีนะ แล้วจำได้คร่าวๆว่ารายการ mega clever เคยกล่าวำว้ว่า ในเยอรมันณี มีอาชญากรรมเกิดขึนเฉลี่ยราวๆทุก 8 วินาที

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทำไมไม่ควรข้าม 3G ไป 4G

คลื่น 2100 MHz เอาไปทำอะไรได้บ้าง คลื่นย่าน 2100 MHz Band1 (Downlink 2110 – 2170 MHz และ Uplink 1920 – 1980 MHz) ที่ประมูลกันในประเทศไทยในนี้ ตามที่ ITU กำหนดมานั้นมีไว้ให้บริการสำหรับการโทรคมนาคมระบบ WCDMA รวมถึง LTE ด้วยครับ ทั้งนี้มีประเทศที่ใช้คลื่นย่าน 2100 MHz เดียวกันนี้ติดตั้ง 4G LTE คือญี่ปุ่นครับ และที่สำคัญ iPhone 5 รุ่นที่จำหน่ายนอกสหรัฐฯ ก็รองรับคลื่นย่านนี้ในระบบ LTE ด้วยเหมือนกัน และสำหรับเงื่อนไขใบอนุญาตที่ระบุไว้ในข้อกำหนดการประมูลของ กสทช. ดังนี้ ข้อ ๑๕ ขอบเขตการอนุญาต ผู้รับใบอนุญาตมีสิทธิให้บริการโทรคมนาคมในลักษณะของการให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม เพื่อให้เช่าใช้และเพื่อให้บริการโทรคมนาคม (Network Provider and Service Provider) และการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโทรคมนาคม (Telecommunications Facility) โดยมีขอบเขตในการประกอบกิจการโทรคมนาคมดังกล่าวทั่วราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ กิจการโทรคมนาคมที่ได้รับอนุญาต ให้รวมถึงลักษณะและประเภทของบริการ ดังนี้ (๑) บริการโครงข่ายโทรคมนาคมไร้สาย (๒) บริการโทรคมนาคม ดังนี้ (๒.๑) บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (๒.๒) บริการพหุสื่อความเร็วสูง (Public Broadband Multimedia Service) (๒.๓) บริการมูลค่าเพิ่ม (Value-added Service) ของบริการโทรคมนาคมที่ได้รับอนุญาต (๒.๔) บริการขายส่งบริการ สำหรับบริการในข้อ (๒.๑) (๒.๒) และ (๒.๓) (๓) บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโทรคมนาคม (Telecommunications Facility) ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะประกอบกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จะสังเกตว่าในขอบเขตใบอนุญาต ไม่ได้มีการระบุเทคโนโลยีการให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น หมายความว่า ถ้าผู้ให้บริการรายใดพิจารณาแล้วว่าเหมาะสม ก็สามารถแบ่งคลื่น 2100 ที่ประมูลได้บางส่วน (หรือทั้งหมด) ไปทำ LTE ด้วยก็ได้ครับ แล้วทำไมไม่ติดตั้ง 4G ไปเลย? ใช่ว่าของใหม่ทุกอย่างจะดีกว่าของเก่านะครับ คือระบบ 4G LTE เนี่ย เนื่องจากมันเปลี่ยนระบบจาก 2G/3G ไปเกือบหมดเลย ทำให้มีปัญหาตัวใหญ่สุดคือ “มันยังโทรออกผ่าน LTE ตรงๆ ได้ไม่สมบูรณ์” มีใครอยากได้มือถือมาเล่นเน็ตอย่างเดียวไม่โทรออกบ้างมั้ยครับ (มีแหละ แต่คงไม่เยอะขนาดนั้นหรอก) หมายความว่าถ้าผู้ให้บริการติดตั้ง LTE อย่างเดียว การโทรออกทั้งหมดก็ต้องโรมมิ่งกลับไปยังเครือข่าย 2G ที่กำลังจะหมดสัญญาสัมปทาน และต้องโอนคลื่นความถี่พร้อมทรัพย์สินคืนไปให้ผู้ให้สัมปทาน แล้วจะประมูลคลื่นไปทำไม? และพอ 2G หมดสัญญาสัมปทานแล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ด้วย (แต่เดี๋ยวพอทรูมูฟหมดสัญญาสัมปทานปีหน้าแล้วก็รู้กัน)สาเหตุสำคัญอีกประการคือ นอกจากไอโฟนห้าแล้ว ทุกวันนี้มือถือที่รองรับ LTE ยังมีในตลาดไม่กี่สิบรุ่นเท่านั้น แถมราคาก็ยังคงอยู่ในระดับเดียวกันกับไอโฟนนั่นแหละครับ คนที่มีกำลังทรัพย์พอจะใช้ได้ก็คงเป็นคนในกรุงอย่างเดียว สรุปแล้วคือ… ไม่มีประโยชน์ที่จะข้ามไปติดตั้ง LTE เพียวๆ โดยไม่ลงทุนติดตั้งระบบ 3G WCDMA ครับ แต่ถ้าติดตั้งปนกันไปเลยบางพื้นที่ก็เป็นไปได้ (เช่นในห้าง) ติดตั้ง 3G 1-2 ช่องสัญญาณ แล้วเอา LTE มาช่วยลดภาระการใช้งานช่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตในช่องที่เหลือ แบบนี้ก็จะทำให้ใช้งานช่องสัญญาณได้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ ทำไม LTE โทรออกไม่ได้? อันที่จริงจะบอกว่าโทรไม่ได้ก็ไม่เชิงนะครับ แต่เนื่องจาก LTE เนี่ย เป็น IP-Based network คือมันเป็นโครงข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายระยะไกลเต็มรูปแบบเลย คือตั้งแต่มือถือจับสัญญาณได้ ก็ได้ IP แล้ว ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแยก แล้วโยนระบบ circuit switch ที่ใช้เป็นช่องสัญญาณสำหรับการคุยกันด้วยเสียงทิ้งไป ทำให้บริการแบบเดิมๆ ที่อิงกับระบบ circuit switch คือ โทรศัพท์ผ่านระบบมือถือ หรือแม้กระทั่ง SMS ใช้การไม่ได้โดยสิ้นเชิง ต้องเปลี่ยนโครงสร้างระบบใหม่ทั้งหมด เป็นการโทรผ่านอินเทอร์เน็ตแทน (นึกภาพเหมือนเราต่อ WiFi โดยไม่มีสัญญาณมือถือได้ครับ ลักษณะเดียวกัน) ปัญหาที่สองคือ แล้วเราจะอ้างอิงเบอร์ได้ยังไงในเมื่ออยู่บน internet มันไม่มีเบอร์โทรศัพท์ (มีแต่หมายเลข IP) ปัญหาที่สาม (ถ้าเกิดโทรได้) ถ้าโทรๆ อยู่สัญญาณ LTE หาย ต้อง switch กลับไปหา 2G/3G จะทำไงให้คุยได้ต่อเนื่อง ปัญหาที่ว่ามานี้ ทางออกกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาครับ โดยใช้เทคโนโลยีชื่อว่า VoLTE (Voice over LTE) ซึ่งมันใหม่กว่า LTE ปกติอีก และอุปกรณ์ที่รองรับก็มีน้อยมากๆ เข้าไปอีกครับ (เท่าที่ตรวจสอบมาได้มี Samsung Galaxy SIII และ LG Optimus II รุ่นพิเศษที่วางขายในเกาหลีเท่านั้น)

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

สิ้นศรัทธา ในตัวคนหลายๆคนรอบตัวฉัน

ข่าวเรื่องรถปอร์เช่ชนคนตายกับแพรวา ทำให้ได้รู้ว่า สิ้นศรัทธาแล้วในตัวคนรอบข้าง(โดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่) ที่กลายเป็นทาสของกระแสพวกนี้ ไหลตามน้ำไปเรื่อย พอคนเหล่านี้พูดและแสดงความเห็นอะไรออกมา ก็ดูชัดเจนเลยว่า “อยากหาเรื่องด่าคนรวยนี่หน่า” กับเห็นชัดว่า ก็แค่วิตกจริตวิ่งเต้นตามกระแส ไหลตามน้ำไปเรื่อย

ตัวเองอยู่ในเหตุการณ์หรือเปล่า ก็ไม่ได้อยู่ เป็นญาติคนตายมั๊ย ก็ไม่ใช่ ข่าวเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แผ่นดินไหวก็เหมือนกัน เต้นไปเรื่อย ไปหัดหาข้อมูลที่มันน่าเชื่อถือจากสารคดีบางหรือเปล่า ก็คงไม่ทำอยู่ดี

อย่างว่านะ อายุมากกว่าเรา งานการก็มั่นคง วิพากย์วจารณ์พูดนั่นนี่ได้เต็มที่อยู่แล้ว ส่วนเราห็แค่เสียงส่วนน้อย

ถ้าคนที่ก่อเหตุ เป้นแค่พนักงานบริษัทเงืนเดือน 12,000 บาท เป็นคนนามสกุลไม่ดัง รถยนต์ที่ชนก้แค่ Mitsubishi Champ, Nissan Sentra หรือ Toyota Corona หน้ายิ้ม พวกท่านคงไม่มาด่ามาวิจารณ์กันขนาดนี้หรอก

ดีแต่ว่าเราหลงแต่กระแสในโลกออนไลน์ ตัวคนพวกนี้เอง ก็กลายเป้นทาสกระแสข่าวจาก free tv และ นสพ รายวัน เหมือนกันหล่ะน่า

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

39 ปี Honda Civic











ฮอนด้า ซีวิค รถยนต์ที่ผลิตและพัฒนาโดยบริษัทฮอนด้า ซีวิคเริ่มต้นในประเทศญี่ปุ่นเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2516 เป็นรถสองประตูขนาดเล็ก โดยมีความจุเครื่องยนต์ 1169 ซีซี และ 1238 ซีซี โดยในปัจจุบันมีการปรับปรุงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งเครื่องยนต์และความกว้างในห้องผู้โดยสาร (ซีวิครุ่นปัจจุบันที่มีขายในเมืองไทยเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร) นอกจากนี้ซีวิคได้ถูกจัดเป็นรถคุณภาพค่อนข้างดีเนื่องจาก ลักษณะรูปร่างภายนอก และ ความเชื่อถือได้ของระบบเครื่องยนต์และช่วงล่างพอสมควร

รุ่นที่ 1 (รุ่นปี ค.ศ. 1972-1979)(ภาพที่ 8)

โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้นถึง 8 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1972 - ค.ศ. 1979 รุ่นบุกเบิกมีแรงม้าเพียง 50 แรงม้า และมีความยาว 139.8 นิ้ว หรือ 3.55 เมตร แต่ได้ค่อยๆ พัฒนาขึ้น โดยรุ่นสุดท้ายของโฉมนี้มีแรงม้า 60 แรงม้า และยาว 146.9 นิ้ว หรือ 3.73 เมตร

โฉมนี้ เป็นรุ่นที่อยู่ในยุคที่ระบบเกียร์ยังไม่เน้นการประหยัดน้ำมัน และเทคโนโลยีด้านรถ ยังใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่ประหยัดเท่าใดนัก รถโฉมนี้ที่ออกวางจำหน่ายในขณะนั้น จะมีระบบเกียร์อยู่ 3 แบบให้เลือกซื้อ คือ เกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด แต่จะผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด เป็นมาตรฐาน เพราะเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ยังมีราคาสูง ส่วนเกียร์อัตโนมัติจะกินน้ำมันมาก ทำให้ไม่เป็นที่นิยม

มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือขนาด 1.2 กับ 1.5 ลิตร

มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 5 ประตู

รุ่นที่ 2 (รุ่นปี ค.ศ. 1980-1983) (ภาพที่ 7)

โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1980 - ค.ศ. 1983 โดยทั้ง 4 รุ่นปี มีความยาวคงที่คือ 146.9 นิ้ว หรือ 3.73 เมตร แรงม้า 55 กับ 67 แรงม้า แล้วแต่รุ่นเครื่องยนต์ คือขนาด 1.3 กับ 1.5 ลิตร ตามลำดับ

โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือ hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 5 ประตู (ซีวิครุ่นนี้ขายในบางประเทศในชื่อ ฮอนด้า บอลเลด (Honda Ballade) ซึ่งต่อมา บอลเลด ก็ได้แยกตัวเป็นรุ่นอิสระไป)

โฉมนี้ มีระบบเกียร์ให้เลือกซื้อ 4 ระบบ คือ เกียร์อัตโนมัติ 2 กับ 3 สปีด และเกียร์ธรรมดา 4 กับ 5 สปีด (เกียร์อัตโนมัติถูกพัฒนาขึ้นจากเดิม)

แต่โฉมนี้ ก็เป็นโฉมสุดท้ายที่ซิวิคผลิตรถเกียร์อัตโนมัติแบบ 2 ระดับเกียร์ขาย และโฉมถัดจากนี้ไปจะไม่มีอีก

รุ่นที่ 3 (รุ่นปี ค.ศ. 1984-1987) (ภาพที่ 5)

โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1984 - ค.ศ. 1987 โดยทั้ง 4 รุ่นปี มีความยาว 150 นิ้ว หรือ 3.81 เมตร สูง 1.35 เมตร กว้าง 1.62 เมตร

มีตัวถัง 4 แบบ คือ hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, คูเป้ 3 ประตู และ station wagon 5 ประตู มีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ 1.5 ลิตร

มี 2 ระบบเกียร์ คือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด (ไม่มีระบบเกียร์ธรรมดา 4 สปีด กับเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด)

และโฉมนี้ เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติแบบ 3 ระดับเกียร์ด้วย

รุ่นที่ 4 (รุ่นปี ค.ศ. 1988-1991) (ภาพที่ 6)

โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1988 - ค.ศ. 1991 โฉมนี้ มีการผลิตตัวถัง 4 รูปแบบ คือ hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู , คูเป้ 3 ประตู และ station wagon 5 ประตู

โฉมนี้ มีระบบเกียร์ให้เลือกถึง 4 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เครื่องยนต์ 4 ขนาด คือ 1.3, 1.4, 1.5 และ 1.6 ลิตร

โฉมนี้ พ่อค้ารถในไทยนิยมเรียกว่า "โฉมไฟท้าย 2 ชั้น" เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด

นับเป็นโฉมที่มีความหลากหลาย และเครื่องยนต์ที่ทนทาน ปัจจุบันนี้ ก็ยังสามารถเห็นรถซีวิคโฉมไฟท้าย 2 ชั้นนี้ บนท้องถนนได้ แม้จะเลิกผลิตไปถึง 20 ปีแล้ว

รุ่นที่ 5 (รุ่นปี ค.ศ. 1992-1995)(ภาพที่ 4)

โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1992 - ค.ศ. 1995 มีตัวถัง 3 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู และแบบซีดาน 4 ประตู

มีระบบเกียร์ 2 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 1.5 กับ 1.6 ลิตร พ่อค้ารถในไทย นิยมเรียกโฉมนี้ว่า "โฉมเตารีด"

โฉมนี้ เป็นโฉมที่รูปลักษณ์ภายนอกของซีวิคเริ่มเปลี่ยนไป เพราะ 4 โฉมแรก ภายนอกจะมีลักษณะตรง แล้วหักเป็นมุมๆ ทำให้มีลักษณะเป็นรูปทรงเหลี่ยมๆ แต่โฉมนี้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นความโค้งมน และโฉมจากนี้ จะเพิ่มความโค้งมนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงโฉมล่าสุด ที่มีความโค้งมนมาก

นอกจากนี้ ในประเทศไทย ช่วงกลางๆ ของโฉมนี้ ซีวิคเริ่มเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์แบบหัวฉีด แทนระบบคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งสังเกตได้จากอักษรทริมที่อยู่ท้ายรถ จะมีตัวไอเล็กภาษาอังกฤษ (i) ต่อท้าย (เป็นทริมแบบ LXi, EXi, ฯลฯ) แต่ถ้าไม่มี i ต่อท้าย (LX, EX, ฯลฯ) แปลว่า ซีวิคคันนั้นยังใช้เครื่องคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งรถที่ใช้ระบบหัวฉีด จะใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่า และนอกจากนี้ เครื่องหัวฉีด สามารถเติมน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ (แก๊สโซฮอล์ E10) ได้ ซึ่งยิ่งช่วยผู้ใช้ประหยัดมากขึ้นไปอีก ในขณะที่เครื่องแบบคาร์บูเรเตอร์ ไม่เหมาะสมที่จะใช้แก๊สโซฮอล์

รุ่นที่ 6 (รุ่นปี ค.ศ. 1996-2000) (ภาพที่ 3)

โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1996 - ค.ศ. 2000

โฉมนี้ มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 4 ประตู มีขนาดเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ 1.6 ลิตร

ระบบเกียร์ 2 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โฉมนี้พ่อค้ารถในประเทศไทยนิยมเรียกว่า "โฉมตาโต" ซึ่งโฉมนี้ เครื่องยนต์ระบบคาร์บูเรเตอร์ค่อยๆ หายไป และในที่สุด ฮอนด้าก็เลิกผลิตรถยนต์นั่งแบบคาร์บูเรเตอร์อย่างสมบูรณ์ และรถยนต์นั่งฮอนด้าทุกคันที่ผลิตเป็นรุ่นปี ค.ศ. 1996 เป็นต้นไป เติมแก๊สโซฮอล์ได้ทุกคัน

รุ่นที่ 7 (รุ่นปี ค.ศ. 2001-2005) (ภาพที่ 2)

โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 2001 - ค.ศ. 2005 โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ hatchback 5 ประตู

และเพิ่มความหลากหลายของขนาดลูกสูบ โดยมี 3 ขนาด คือ 1.5, 1.7 และ 2.0 ลิตร และโฉมนี้ มีระบบเกียร์ 3 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

โฉมนี้ เป็นโฉมแรก ที่ฮอนด้าได้ทำระบบไฮบริดมาติดกับรถซีวิค เป็นรุ่นพิเศษ แต่ไม่เข้ามาขายในประเทศไทย

โฉมนี้เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด พ่อค้ารถเรียกซีวิคโฉมนี้ว่า "โฉม Dimension"

รุ่นที่ 8 (รุ่นปี ค.ศ. 2006-ปัจจุบัน) (ภาพที่ 1)

โฉมนี้ เป็นโฉมล่าสุด เริ่มผลิตตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 2006 จนถึงรุ่นปีล่าสุดของฮอนด้าซิวิคที่ฮอนด้ายังผลิตอยู่ในปัจจุบันก็ยังคงเป็น โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ station wagon 5 ประตู โดยในประเทศไทยนั้นทางฮอนด้าจะจำหน่ายเฉพาะแบบซีดาน 4 ประตู

โฉมนี้ มีระบบเกียร์ 3 แบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 1.5, 1.7 และ 2.0 ลิตร แต่ในประเทศไทยมีการจำหน่ายเฉพาะรุ่น 1.8 และ 2.0 ลิตร

และจนถึงรุ่นปี ค.ศ. 2008 ก็ได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์ชนิดใหม่ในรถซีวิค ให้สามารถใช้พลังงานทดแทนพิเศษ แก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ซึ่งแก๊สโซฮอล์ใหม่นี้ สามารถลดมลพิษในอากาศได้มากกว่าแก๊สโซฮอล์ทั่วไป

ฮอนด้า ซีวิค โฉมที่ 8 นี้ ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Thailand Car of the Year 2009) ในประเภทรถยนต์นั่ง ในรุ่นไม่เกิน 2,000 ซีซี (Best Sedan under 2,000 cc.)

* ฮอนด้า ซีวิค จะออกรุ่นที่ 9 ในปี 2011

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2_%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%84

ปล. โฉมที่ 6 รถยนต์คันแรกของครอบครัวเรา ตอนนั้นใช้รุ่น EXI เกียร์ออโต้

โฉมที่ 7 คือรถยนต์คันปัจจุบันที่ใช้อยู่ ก็เดิมๆ แต่งแค่เครื่องเสียงกับติด LPG แบบหัวฉีด....ซ์้อเมื่อต้นปี 2001 รุ่นที่ใช้คือตัวเครื่อง VTEC เกียร์ออโต (ตัวถูกสุดที่ใช้เกียร์ออโต้กับเครื่อง VTEC ในเวลานั้น สมัยนั้นพวกรถ compact sedan ยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดาให้เลือกอยู่มากกว่าหนึ่งรุ่น) ประหยัดน้ำมันกว่า Nissan Sunny Neo 1.6 ที่ออกมาในยุคเดียวกันซะอีก