วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

สิ้นศรัทธา ในตัวคนหลายๆคนรอบตัวฉัน

ข่าวเรื่องรถปอร์เช่ชนคนตายกับแพรวา ทำให้ได้รู้ว่า สิ้นศรัทธาแล้วในตัวคนรอบข้าง(โดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่) ที่กลายเป็นทาสของกระแสพวกนี้ ไหลตามน้ำไปเรื่อย พอคนเหล่านี้พูดและแสดงความเห็นอะไรออกมา ก็ดูชัดเจนเลยว่า “อยากหาเรื่องด่าคนรวยนี่หน่า” กับเห็นชัดว่า ก็แค่วิตกจริตวิ่งเต้นตามกระแส ไหลตามน้ำไปเรื่อย

ตัวเองอยู่ในเหตุการณ์หรือเปล่า ก็ไม่ได้อยู่ เป็นญาติคนตายมั๊ย ก็ไม่ใช่ ข่าวเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แผ่นดินไหวก็เหมือนกัน เต้นไปเรื่อย ไปหัดหาข้อมูลที่มันน่าเชื่อถือจากสารคดีบางหรือเปล่า ก็คงไม่ทำอยู่ดี

อย่างว่านะ อายุมากกว่าเรา งานการก็มั่นคง วิพากย์วจารณ์พูดนั่นนี่ได้เต็มที่อยู่แล้ว ส่วนเราห็แค่เสียงส่วนน้อย

ถ้าคนที่ก่อเหตุ เป้นแค่พนักงานบริษัทเงืนเดือน 12,000 บาท เป็นคนนามสกุลไม่ดัง รถยนต์ที่ชนก้แค่ Mitsubishi Champ, Nissan Sentra หรือ Toyota Corona หน้ายิ้ม พวกท่านคงไม่มาด่ามาวิจารณ์กันขนาดนี้หรอก

ดีแต่ว่าเราหลงแต่กระแสในโลกออนไลน์ ตัวคนพวกนี้เอง ก็กลายเป้นทาสกระแสข่าวจาก free tv และ นสพ รายวัน เหมือนกันหล่ะน่า

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

39 ปี Honda Civic











ฮอนด้า ซีวิค รถยนต์ที่ผลิตและพัฒนาโดยบริษัทฮอนด้า ซีวิคเริ่มต้นในประเทศญี่ปุ่นเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2516 เป็นรถสองประตูขนาดเล็ก โดยมีความจุเครื่องยนต์ 1169 ซีซี และ 1238 ซีซี โดยในปัจจุบันมีการปรับปรุงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งเครื่องยนต์และความกว้างในห้องผู้โดยสาร (ซีวิครุ่นปัจจุบันที่มีขายในเมืองไทยเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร) นอกจากนี้ซีวิคได้ถูกจัดเป็นรถคุณภาพค่อนข้างดีเนื่องจาก ลักษณะรูปร่างภายนอก และ ความเชื่อถือได้ของระบบเครื่องยนต์และช่วงล่างพอสมควร

รุ่นที่ 1 (รุ่นปี ค.ศ. 1972-1979)(ภาพที่ 8)

โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้นถึง 8 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1972 - ค.ศ. 1979 รุ่นบุกเบิกมีแรงม้าเพียง 50 แรงม้า และมีความยาว 139.8 นิ้ว หรือ 3.55 เมตร แต่ได้ค่อยๆ พัฒนาขึ้น โดยรุ่นสุดท้ายของโฉมนี้มีแรงม้า 60 แรงม้า และยาว 146.9 นิ้ว หรือ 3.73 เมตร

โฉมนี้ เป็นรุ่นที่อยู่ในยุคที่ระบบเกียร์ยังไม่เน้นการประหยัดน้ำมัน และเทคโนโลยีด้านรถ ยังใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่ประหยัดเท่าใดนัก รถโฉมนี้ที่ออกวางจำหน่ายในขณะนั้น จะมีระบบเกียร์อยู่ 3 แบบให้เลือกซื้อ คือ เกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด แต่จะผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด เป็นมาตรฐาน เพราะเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ยังมีราคาสูง ส่วนเกียร์อัตโนมัติจะกินน้ำมันมาก ทำให้ไม่เป็นที่นิยม

มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือขนาด 1.2 กับ 1.5 ลิตร

มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 5 ประตู

รุ่นที่ 2 (รุ่นปี ค.ศ. 1980-1983) (ภาพที่ 7)

โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1980 - ค.ศ. 1983 โดยทั้ง 4 รุ่นปี มีความยาวคงที่คือ 146.9 นิ้ว หรือ 3.73 เมตร แรงม้า 55 กับ 67 แรงม้า แล้วแต่รุ่นเครื่องยนต์ คือขนาด 1.3 กับ 1.5 ลิตร ตามลำดับ

โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือ hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 5 ประตู (ซีวิครุ่นนี้ขายในบางประเทศในชื่อ ฮอนด้า บอลเลด (Honda Ballade) ซึ่งต่อมา บอลเลด ก็ได้แยกตัวเป็นรุ่นอิสระไป)

โฉมนี้ มีระบบเกียร์ให้เลือกซื้อ 4 ระบบ คือ เกียร์อัตโนมัติ 2 กับ 3 สปีด และเกียร์ธรรมดา 4 กับ 5 สปีด (เกียร์อัตโนมัติถูกพัฒนาขึ้นจากเดิม)

แต่โฉมนี้ ก็เป็นโฉมสุดท้ายที่ซิวิคผลิตรถเกียร์อัตโนมัติแบบ 2 ระดับเกียร์ขาย และโฉมถัดจากนี้ไปจะไม่มีอีก

รุ่นที่ 3 (รุ่นปี ค.ศ. 1984-1987) (ภาพที่ 5)

โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1984 - ค.ศ. 1987 โดยทั้ง 4 รุ่นปี มีความยาว 150 นิ้ว หรือ 3.81 เมตร สูง 1.35 เมตร กว้าง 1.62 เมตร

มีตัวถัง 4 แบบ คือ hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, คูเป้ 3 ประตู และ station wagon 5 ประตู มีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ 1.5 ลิตร

มี 2 ระบบเกียร์ คือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด (ไม่มีระบบเกียร์ธรรมดา 4 สปีด กับเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด)

และโฉมนี้ เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติแบบ 3 ระดับเกียร์ด้วย

รุ่นที่ 4 (รุ่นปี ค.ศ. 1988-1991) (ภาพที่ 6)

โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1988 - ค.ศ. 1991 โฉมนี้ มีการผลิตตัวถัง 4 รูปแบบ คือ hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู , คูเป้ 3 ประตู และ station wagon 5 ประตู

โฉมนี้ มีระบบเกียร์ให้เลือกถึง 4 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เครื่องยนต์ 4 ขนาด คือ 1.3, 1.4, 1.5 และ 1.6 ลิตร

โฉมนี้ พ่อค้ารถในไทยนิยมเรียกว่า "โฉมไฟท้าย 2 ชั้น" เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด

นับเป็นโฉมที่มีความหลากหลาย และเครื่องยนต์ที่ทนทาน ปัจจุบันนี้ ก็ยังสามารถเห็นรถซีวิคโฉมไฟท้าย 2 ชั้นนี้ บนท้องถนนได้ แม้จะเลิกผลิตไปถึง 20 ปีแล้ว

รุ่นที่ 5 (รุ่นปี ค.ศ. 1992-1995)(ภาพที่ 4)

โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1992 - ค.ศ. 1995 มีตัวถัง 3 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู และแบบซีดาน 4 ประตู

มีระบบเกียร์ 2 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 1.5 กับ 1.6 ลิตร พ่อค้ารถในไทย นิยมเรียกโฉมนี้ว่า "โฉมเตารีด"

โฉมนี้ เป็นโฉมที่รูปลักษณ์ภายนอกของซีวิคเริ่มเปลี่ยนไป เพราะ 4 โฉมแรก ภายนอกจะมีลักษณะตรง แล้วหักเป็นมุมๆ ทำให้มีลักษณะเป็นรูปทรงเหลี่ยมๆ แต่โฉมนี้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นความโค้งมน และโฉมจากนี้ จะเพิ่มความโค้งมนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงโฉมล่าสุด ที่มีความโค้งมนมาก

นอกจากนี้ ในประเทศไทย ช่วงกลางๆ ของโฉมนี้ ซีวิคเริ่มเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์แบบหัวฉีด แทนระบบคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งสังเกตได้จากอักษรทริมที่อยู่ท้ายรถ จะมีตัวไอเล็กภาษาอังกฤษ (i) ต่อท้าย (เป็นทริมแบบ LXi, EXi, ฯลฯ) แต่ถ้าไม่มี i ต่อท้าย (LX, EX, ฯลฯ) แปลว่า ซีวิคคันนั้นยังใช้เครื่องคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งรถที่ใช้ระบบหัวฉีด จะใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่า และนอกจากนี้ เครื่องหัวฉีด สามารถเติมน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ (แก๊สโซฮอล์ E10) ได้ ซึ่งยิ่งช่วยผู้ใช้ประหยัดมากขึ้นไปอีก ในขณะที่เครื่องแบบคาร์บูเรเตอร์ ไม่เหมาะสมที่จะใช้แก๊สโซฮอล์

รุ่นที่ 6 (รุ่นปี ค.ศ. 1996-2000) (ภาพที่ 3)

โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1996 - ค.ศ. 2000

โฉมนี้ มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 4 ประตู มีขนาดเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ 1.6 ลิตร

ระบบเกียร์ 2 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โฉมนี้พ่อค้ารถในประเทศไทยนิยมเรียกว่า "โฉมตาโต" ซึ่งโฉมนี้ เครื่องยนต์ระบบคาร์บูเรเตอร์ค่อยๆ หายไป และในที่สุด ฮอนด้าก็เลิกผลิตรถยนต์นั่งแบบคาร์บูเรเตอร์อย่างสมบูรณ์ และรถยนต์นั่งฮอนด้าทุกคันที่ผลิตเป็นรุ่นปี ค.ศ. 1996 เป็นต้นไป เติมแก๊สโซฮอล์ได้ทุกคัน

รุ่นที่ 7 (รุ่นปี ค.ศ. 2001-2005) (ภาพที่ 2)

โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 2001 - ค.ศ. 2005 โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ hatchback 5 ประตู

และเพิ่มความหลากหลายของขนาดลูกสูบ โดยมี 3 ขนาด คือ 1.5, 1.7 และ 2.0 ลิตร และโฉมนี้ มีระบบเกียร์ 3 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

โฉมนี้ เป็นโฉมแรก ที่ฮอนด้าได้ทำระบบไฮบริดมาติดกับรถซีวิค เป็นรุ่นพิเศษ แต่ไม่เข้ามาขายในประเทศไทย

โฉมนี้เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด พ่อค้ารถเรียกซีวิคโฉมนี้ว่า "โฉม Dimension"

รุ่นที่ 8 (รุ่นปี ค.ศ. 2006-ปัจจุบัน) (ภาพที่ 1)

โฉมนี้ เป็นโฉมล่าสุด เริ่มผลิตตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 2006 จนถึงรุ่นปีล่าสุดของฮอนด้าซิวิคที่ฮอนด้ายังผลิตอยู่ในปัจจุบันก็ยังคงเป็น โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ station wagon 5 ประตู โดยในประเทศไทยนั้นทางฮอนด้าจะจำหน่ายเฉพาะแบบซีดาน 4 ประตู

โฉมนี้ มีระบบเกียร์ 3 แบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 1.5, 1.7 และ 2.0 ลิตร แต่ในประเทศไทยมีการจำหน่ายเฉพาะรุ่น 1.8 และ 2.0 ลิตร

และจนถึงรุ่นปี ค.ศ. 2008 ก็ได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์ชนิดใหม่ในรถซีวิค ให้สามารถใช้พลังงานทดแทนพิเศษ แก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ซึ่งแก๊สโซฮอล์ใหม่นี้ สามารถลดมลพิษในอากาศได้มากกว่าแก๊สโซฮอล์ทั่วไป

ฮอนด้า ซีวิค โฉมที่ 8 นี้ ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Thailand Car of the Year 2009) ในประเภทรถยนต์นั่ง ในรุ่นไม่เกิน 2,000 ซีซี (Best Sedan under 2,000 cc.)

* ฮอนด้า ซีวิค จะออกรุ่นที่ 9 ในปี 2011

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2_%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%84

ปล. โฉมที่ 6 รถยนต์คันแรกของครอบครัวเรา ตอนนั้นใช้รุ่น EXI เกียร์ออโต้

โฉมที่ 7 คือรถยนต์คันปัจจุบันที่ใช้อยู่ ก็เดิมๆ แต่งแค่เครื่องเสียงกับติด LPG แบบหัวฉีด....ซ์้อเมื่อต้นปี 2001 รุ่นที่ใช้คือตัวเครื่อง VTEC เกียร์ออโต (ตัวถูกสุดที่ใช้เกียร์ออโต้กับเครื่อง VTEC ในเวลานั้น สมัยนั้นพวกรถ compact sedan ยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดาให้เลือกอยู่มากกว่าหนึ่งรุ่น) ประหยัดน้ำมันกว่า Nissan Sunny Neo 1.6 ที่ออกมาในยุคเดียวกันซะอีก