ฮอนด้า ซีวิค รถยนต์ที่ผลิตและพัฒนาโดยบริษัทฮอนด้า ซีวิคเริ่มต้นในประเทศญี่ปุ่นเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2516 เป็นรถสองประตูขนาดเล็ก โดยมีความจุเครื่องยนต์ 1169 ซีซี และ 1238 ซีซี โดยในปัจจุบันมีการปรับปรุงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งเครื่องยนต์และความกว้างในห้องผู้โดยสาร (ซีวิครุ่นปัจจุบันที่มีขายในเมืองไทยเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร) นอกจากนี้ซีวิคได้ถูกจัดเป็นรถคุณภาพค่อนข้างดีเนื่องจาก ลักษณะรูปร่างภายนอก และ ความเชื่อถือได้ของระบบเครื่องยนต์และช่วงล่างพอสมควร
รุ่นที่ 1 (รุ่นปี ค.ศ. 1972-1979)(ภาพที่ 8)
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้นถึง 8 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1972 - ค.ศ. 1979 รุ่นบุกเบิกมีแรงม้าเพียง 50 แรงม้า และมีความยาว 139.8 นิ้ว หรือ 3.55 เมตร แต่ได้ค่อยๆ พัฒนาขึ้น โดยรุ่นสุดท้ายของโฉมนี้มีแรงม้า 60 แรงม้า และยาว 146.9 นิ้ว หรือ 3.73 เมตร
โฉมนี้ เป็นรุ่นที่อยู่ในยุคที่ระบบเกียร์ยังไม่เน้นการประหยัดน้ำมัน และเทคโนโลยีด้านรถ ยังใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่ประหยัดเท่าใดนัก รถโฉมนี้ที่ออกวางจำหน่ายในขณะนั้น จะมีระบบเกียร์อยู่ 3 แบบให้เลือกซื้อ คือ เกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด แต่จะผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด เป็นมาตรฐาน เพราะเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ยังมีราคาสูง ส่วนเกียร์อัตโนมัติจะกินน้ำมันมาก ทำให้ไม่เป็นที่นิยม
มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือขนาด 1.2 กับ 1.5 ลิตร
มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 5 ประตู
รุ่นที่ 2 (รุ่นปี ค.ศ. 1980-1983) (ภาพที่ 7)
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1980 - ค.ศ. 1983 โดยทั้ง 4 รุ่นปี มีความยาวคงที่คือ 146.9 นิ้ว หรือ 3.73 เมตร แรงม้า 55 กับ 67 แรงม้า แล้วแต่รุ่นเครื่องยนต์ คือขนาด 1.3 กับ 1.5 ลิตร ตามลำดับ
โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือ hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 5 ประตู (ซีวิครุ่นนี้ขายในบางประเทศในชื่อ ฮอนด้า บอลเลด (Honda Ballade) ซึ่งต่อมา บอลเลด ก็ได้แยกตัวเป็นรุ่นอิสระไป)
โฉมนี้ มีระบบเกียร์ให้เลือกซื้อ 4 ระบบ คือ เกียร์อัตโนมัติ 2 กับ 3 สปีด และเกียร์ธรรมดา 4 กับ 5 สปีด (เกียร์อัตโนมัติถูกพัฒนาขึ้นจากเดิม)
แต่โฉมนี้ ก็เป็นโฉมสุดท้ายที่ซิวิคผลิตรถเกียร์อัตโนมัติแบบ 2 ระดับเกียร์ขาย และโฉมถัดจากนี้ไปจะไม่มีอีก
รุ่นที่ 3 (รุ่นปี ค.ศ. 1984-1987) (ภาพที่ 5)
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1984 - ค.ศ. 1987 โดยทั้ง 4 รุ่นปี มีความยาว 150 นิ้ว หรือ 3.81 เมตร สูง 1.35 เมตร กว้าง 1.62 เมตร
มีตัวถัง 4 แบบ คือ hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, คูเป้ 3 ประตู และ station wagon 5 ประตู มีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ 1.5 ลิตร
มี 2 ระบบเกียร์ คือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด (ไม่มีระบบเกียร์ธรรมดา 4 สปีด กับเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด)
และโฉมนี้ เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติแบบ 3 ระดับเกียร์ด้วย
รุ่นที่ 4 (รุ่นปี ค.ศ. 1988-1991) (ภาพที่ 6)
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1988 - ค.ศ. 1991 โฉมนี้ มีการผลิตตัวถัง 4 รูปแบบ คือ hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู , คูเป้ 3 ประตู และ station wagon 5 ประตู
โฉมนี้ มีระบบเกียร์ให้เลือกถึง 4 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เครื่องยนต์ 4 ขนาด คือ 1.3, 1.4, 1.5 และ 1.6 ลิตร
โฉมนี้ พ่อค้ารถในไทยนิยมเรียกว่า "โฉมไฟท้าย 2 ชั้น" เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด
นับเป็นโฉมที่มีความหลากหลาย และเครื่องยนต์ที่ทนทาน ปัจจุบันนี้ ก็ยังสามารถเห็นรถซีวิคโฉมไฟท้าย 2 ชั้นนี้ บนท้องถนนได้ แม้จะเลิกผลิตไปถึง 20 ปีแล้ว
รุ่นที่ 5 (รุ่นปี ค.ศ. 1992-1995)(ภาพที่ 4)
โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1992 - ค.ศ. 1995 มีตัวถัง 3 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู และแบบซีดาน 4 ประตู
มีระบบเกียร์ 2 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 1.5 กับ 1.6 ลิตร พ่อค้ารถในไทย นิยมเรียกโฉมนี้ว่า "โฉมเตารีด"
โฉมนี้ เป็นโฉมที่รูปลักษณ์ภายนอกของซีวิคเริ่มเปลี่ยนไป เพราะ 4 โฉมแรก ภายนอกจะมีลักษณะตรง แล้วหักเป็นมุมๆ ทำให้มีลักษณะเป็นรูปทรงเหลี่ยมๆ แต่โฉมนี้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นความโค้งมน และโฉมจากนี้ จะเพิ่มความโค้งมนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงโฉมล่าสุด ที่มีความโค้งมนมาก
นอกจากนี้ ในประเทศไทย ช่วงกลางๆ ของโฉมนี้ ซีวิคเริ่มเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์แบบหัวฉีด แทนระบบคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งสังเกตได้จากอักษรทริมที่อยู่ท้ายรถ จะมีตัวไอเล็กภาษาอังกฤษ (i) ต่อท้าย (เป็นทริมแบบ LXi, EXi, ฯลฯ) แต่ถ้าไม่มี i ต่อท้าย (LX, EX, ฯลฯ) แปลว่า ซีวิคคันนั้นยังใช้เครื่องคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งรถที่ใช้ระบบหัวฉีด จะใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่า และนอกจากนี้ เครื่องหัวฉีด สามารถเติมน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ (แก๊สโซฮอล์ E10) ได้ ซึ่งยิ่งช่วยผู้ใช้ประหยัดมากขึ้นไปอีก ในขณะที่เครื่องแบบคาร์บูเรเตอร์ ไม่เหมาะสมที่จะใช้แก๊สโซฮอล์
รุ่นที่ 6 (รุ่นปี ค.ศ. 1996-2000) (ภาพที่ 3)
โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 1996 - ค.ศ. 2000
โฉมนี้ มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 4 ประตู มีขนาดเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ 1.6 ลิตร
ระบบเกียร์ 2 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โฉมนี้พ่อค้ารถในประเทศไทยนิยมเรียกว่า "โฉมตาโต" ซึ่งโฉมนี้ เครื่องยนต์ระบบคาร์บูเรเตอร์ค่อยๆ หายไป และในที่สุด ฮอนด้าก็เลิกผลิตรถยนต์นั่งแบบคาร์บูเรเตอร์อย่างสมบูรณ์ และรถยนต์นั่งฮอนด้าทุกคันที่ผลิตเป็นรุ่นปี ค.ศ. 1996 เป็นต้นไป เติมแก๊สโซฮอล์ได้ทุกคัน
รุ่นที่ 7 (รุ่นปี ค.ศ. 2001-2005) (ภาพที่ 2)
โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 2001 - ค.ศ. 2005 โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ hatchback 5 ประตู
และเพิ่มความหลากหลายของขนาดลูกสูบ โดยมี 3 ขนาด คือ 1.5, 1.7 และ 2.0 ลิตร และโฉมนี้ มีระบบเกียร์ 3 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
โฉมนี้ เป็นโฉมแรก ที่ฮอนด้าได้ทำระบบไฮบริดมาติดกับรถซีวิค เป็นรุ่นพิเศษ แต่ไม่เข้ามาขายในประเทศไทย
โฉมนี้เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด พ่อค้ารถเรียกซีวิคโฉมนี้ว่า "โฉม Dimension"
รุ่นที่ 8 (รุ่นปี ค.ศ. 2006-ปัจจุบัน) (ภาพที่ 1)
โฉมนี้ เป็นโฉมล่าสุด เริ่มผลิตตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 2006 จนถึงรุ่นปีล่าสุดของฮอนด้าซิวิคที่ฮอนด้ายังผลิตอยู่ในปัจจุบันก็ยังคงเป็น โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ station wagon 5 ประตู โดยในประเทศไทยนั้นทางฮอนด้าจะจำหน่ายเฉพาะแบบซีดาน 4 ประตู
โฉมนี้ มีระบบเกียร์ 3 แบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 1.5, 1.7 และ 2.0 ลิตร แต่ในประเทศไทยมีการจำหน่ายเฉพาะรุ่น 1.8 และ 2.0 ลิตร
และจนถึงรุ่นปี ค.ศ. 2008 ก็ได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์ชนิดใหม่ในรถซีวิค ให้สามารถใช้พลังงานทดแทนพิเศษ แก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ซึ่งแก๊สโซฮอล์ใหม่นี้ สามารถลดมลพิษในอากาศได้มากกว่าแก๊สโซฮอล์ทั่วไป
ฮอนด้า ซีวิค โฉมที่ 8 นี้ ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Thailand Car of the Year 2009) ในประเภทรถยนต์นั่ง ในรุ่นไม่เกิน 2,000 ซีซี (Best Sedan under 2,000 cc.)
* ฮอนด้า ซีวิค จะออกรุ่นที่ 9 ในปี 2011
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2_%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%84
ปล. โฉมที่ 6 รถยนต์คันแรกของครอบครัวเรา ตอนนั้นใช้รุ่น EXI เกียร์ออโต้
โฉมที่ 7 คือรถยนต์คันปัจจุบันที่ใช้อยู่ ก็เดิมๆ แต่งแค่เครื่องเสียงกับติด LPG แบบหัวฉีด....ซ์้อเมื่อต้นปี 2001 รุ่นที่ใช้คือตัวเครื่อง VTEC เกียร์ออโต (ตัวถูกสุดที่ใช้เกียร์ออโต้กับเครื่อง VTEC ในเวลานั้น สมัยนั้นพวกรถ compact sedan ยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดาให้เลือกอยู่มากกว่าหนึ่งรุ่น) ประหยัดน้ำมันกว่า Nissan Sunny Neo 1.6 ที่ออกมาในยุคเดียวกันซะอีก